แชร์

พระสมเด็จ

อัพเดทล่าสุด: 12 มิ.ย. 2025
0 ผู้เข้าชม

ในบรรดาพระเครื่องอันศักดิ์สิทธิ์และล้ำค่าของประเทศไทย ไม่มีพระเครื่องใดจะได้รับความเคารพยกย่องและเป็นที่ใฝ่หาเท่า "พระสมเด็จ" ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง" ด้วยพุทธคุณอันประเสริฐ พุทธศิลป์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม และประวัติศาสตร์อันยาวนานที่เชื่อมโยงกับพระเกจิอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) แห่งวัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร พระสมเด็จจึงไม่ได้เป็นเพียงวัตถุมงคล แต่เป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา ความรุ่งเรือง และมรดกทางพุทธศิลป์อันล้ำค่าของชาติ


กำเนิดและประวัติความเป็นมา
พระสมเด็จถูกสร้างขึ้นโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ซึ่งเป็นพระมหาเถระผู้ทรงคุณธรรมและวิทยาคมอันแก่กล้า ท่านเริ่มสร้างพระสมเด็จในช่วงปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 3) ราวปี พ.ศ. 2390 และสร้างต่อเนื่องมาจนถึงต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) พระสมเด็จที่ท่านสร้างขึ้นในยุคแรกๆ และเป็นที่นิยมสูงสุดคือ "พระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม" และต่อมาได้มีการสร้างที่วัดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับสมเด็จโต เช่น "พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม" (วัดใหม่อมตรส) และ "พระสมเด็จวัดเกศไชโย"

เจตนารมณ์ในการสร้างพระสมเด็จของสมเด็จโตนั้น คือเพื่อสืบทอดพระพุทธศาสนา และเป็นพุทธานุสสติให้พุทธศาสนิกชนได้ระลึกถึงพระพุทธเจ้า รวมถึงเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจและคุ้มครองภัยอันตรายแก่ผู้บูชา ท่านมิได้มุ่งหวังเรื่องพาณิชย์แต่อย่างใด


พุทธศิลป์และพุทธลักษณะอันเป็นเอกลักษณ์
พระสมเด็จมีพุทธศิลป์ที่เรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความงามสง่าและปรัชญาทางพุทธศาสนา พิมพ์ทรงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หรือที่เรียกว่า "พิมพ์ทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก" ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนพระเครื่องใดๆ ที่เคยมีมาก่อนหน้านั้น

ลักษณะโดยรวมของพระสมเด็จวัดระฆังฯ ประกอบด้วย:

องค์พระพุทธรูป: ประทับนั่งปางสมาธิอย่างสงบอยู่บนฐานต่างๆ
ซุ้มครอบแก้ว: โค้งมนคล้ายระฆังหรือเจดีย์ คลุมองค์พระและฐาน
เนื้อพระ: ส่วนใหญ่เป็นเนื้อผงพุทธคุณสีขาวอมเหลืองหรือขาวนวล บางองค์อาจมีสีน้ำตาลอ่อนหรือเทาเข้มขึ้นอยู่กับมวลสารและการเก็บรักษา
พิมพ์หลักของพระสมเด็จวัดระฆังโฆสิตาราม ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่รู้จักกันดีมี 5 พิมพ์ ได้แก่:

พิมพ์ใหญ่: เป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ถือเป็นพิมพ์มาตรฐาน มีพุทธศิลป์ที่สมบูรณ์งดงาม
พิมพ์ทรงเจดีย์: องค์พระผอมเพรียวกว่าพิมพ์ใหญ่ ซุ้มครอบแก้วสอบเข้าหากันคล้ายรูปเจดีย์
พิมพ์ฐานแซม: มีลักษณะคล้ายพิมพ์ใหญ่ แต่มีเส้นฐานพุทธอาสน์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งเส้น (หรือบางครั้งก็เป็นเส้นแซมใต้ฐานชั้นที่สาม)
พิมพ์เกศบัวตูม: ลักษณะของพระเกศจะคล้ายดอกบัวตูม และองค์พระจะอวบอ้วนกว่าพิมพ์อื่นๆ
พิมพ์ปรกโพธิ์: เป็นพิมพ์ที่หาได้ยากที่สุด มีใบโพธิ์ขึ้นรอบองค์พระคล้ายต้นโพธิ์
พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม มีลักษณะพิมพ์ทรงคล้ายกับวัดระฆังฯ แต่มีจุดสังเกตเฉพาะคือมักมี คราบกรุ (คราบจากดินและน้ำที่เคลือบผิวพระขณะอยู่ในกรุ) เกาะติดอยู่ และมีจำนวนพิมพ์ที่หลากหลายกว่า

พระสมเด็จวัดเกศไชโย มีพิมพ์ทรงที่เป็นเอกลักษณ์คือ มี อกร่อง หูบายศรี ซึ่งเป็นจุดสังเกตสำคัญ


มวลสารและพุทธคุณ
มวลสารหลัก ของพระสมเด็จที่สมเด็จโตสร้างขึ้น ประกอบด้วย:

ปูนเปลือกหอย: เป็นส่วนผสมหลัก ทำให้เนื้อพระมีความหนึกนุ่ม
ผงวิเศษ 5 ชนิด: ที่สมเด็จโตท่านลบผงด้วยพระองค์เอง ซึ่งแต่ละผงมีความหมายและพุทธคุณแตกต่างกัน ได้แก่:ผงอิทธิเจ: เด่นด้านเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์
ผงปถมัง: เด่นด้านคงกระพัน แคล้วคลาด และล้างอาถรรพ์
ผงมหาราช: เด่นด้านอำนาจบารมี ชนะศัตรู
ผงพุทธคุณ: เด่นด้านความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัย
ผงตรีนิสิงเห: เด่นด้านโชคลาภ คุ้มครองป้องกัน
มวลสารอื่นๆ: เช่น เศษอาหารที่ท่านฉัน (ข้าวสุก กล้วย), ก้านธูปบูชาพระ, เกสรดอกไม้บูชาพระ, เส้นผมของสมเด็จโต, น้ำมันตังอิ๊ว (ใช้เป็นตัวประสาน) และอื่นๆ อีกมากมายที่แสดงถึงความบริสุทธิ์และอานุภาพ
พุทธคุณ ของพระสมเด็จได้รับการกล่าวขานและเป็นที่ประจักษ์อย่างกว้างขวางว่ามีพุทธคุณ ครอบจักรวาล โดย

เฉพาะอย่างยิ่งโดดเด่นในด้าน:

เมตตามหานิยม: ทำให้ผู้บูชาเป็นที่รักใคร่ เอ็นดูแก่คนทั่วไป เสริมเสน่ห์และบารมี
แคล้วคลาดปลอดภัย: คุ้มครองผู้บูชาจากอุบัติเหตุ ภยันตราย และสิ่งอัปมงคลต่างๆ
โชคลาภและความเจริญรุ่งเรือง: เชื่อกันว่าช่วยหนุนนำให้ชีวิตรุ่งเรือง ทำมาค้าขึ้น และประสบความสำเร็จ
คงกระพันชาตรี: ป้องกันศาสตราวุธและอันตรายจากสิ่งต่างๆ


อำนาจบารมี: เสริมความเป็นผู้นำและความน่าเชื่อถือ

การพิจารณาพระสมเด็จแท้
ด้วยความนิยมและมูลค่าที่สูงลิ่ว ทำให้พระสมเด็จเป็นพระเครื่องที่มีการปลอมแปลงมากที่สุดในโลก การพิจารณาพระสมเด็จแท้จึงเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องอาศัยความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์อย่างสูง มีหลักเกณฑ์

ที่ใช้ในการพิจารณาหลายประการ ได้แก่:

พิมพ์ทรง: ต้องมีพิมพ์ทรงที่ถูกต้องตามมาตรฐานของแต่ละพิมพ์ ไม่มีผิดเพี้ยนไปจากธรรมชาติ
เนื้อพระ: เนื้อพระต้องมีความหนึกนุ่มตามอายุของพระ มีมวลสารปรากฏให้เห็นตามธรรมชาติ และมีรอยยุบย่น การหดตัวของเนื้อตามกาลเวลา


ความเก่าตามธรรมชาติ: ต้องมีร่องรอยความเก่าที่เกิดจากธรรมชาติ เช่น คราบไข คราบฝ้ารัก รอยแตกรานแบบใยแมงมุม หรือรอยยุบย่นที่เกิดจากการหดตัวของเนื้อ
คราบต่างๆ: พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม จะมีคราบกรุเป็นเอกลักษณ์ ส่วนพระสมเด็จวัดระฆังฯ อาจมีคราบไขหรือคราบน้ำมันตังอิ๊วปรากฏ
ความซึ้งและศิลปะ: องค์พระต้องมีความซึ้ง ดูมีชีวิตชีวา ไม่แข็งทื่อ
การศึกษาจากตำรา รูปภาพพระแท้ และการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการเรียนรู้การพิจารณาพระสมเด็จ


บทสรุป
พระสมเด็จไม่เพียงแต่เป็นสุดยอดวัตถุมงคลที่นักสะสมใฝ่หา แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธาอันลึกซึ้งในพุทธคุณและบารมีของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ผู้สร้างสรรค์ การได้ครอบครองพระสมเด็จแท้แม้เพียงองค์เดียว จึงถือเป็นสิริมงคลอันยิ่งใหญ่และเป็นความภาคภูมิใจอย่างหาที่สุดมิได้สำหรับผู้บูชา และยังคงเป็น "จักรพรรดิแห่งพระเครื่อง" ที่ได้รับการยกย่องและส่งต่อเรื่องราวความศักดิ์สิทธิ์จากรุ่นสู่รุ่นไปตลอดกาล

 

jinttrakan.com


บทความที่เกี่ยวข้อง
เบญจภาคี
สุดยอดจักรพรรดิแห่งพระเครื่องเมืองสยาม
14 มิ.ย. 2025
บทความเกี่ยวกับ "ปางพระ"
"ปางพระ" หรือ "พุทธปาง"
13 มิ.ย. 2025
ศิลปะพระพุทธรูปในแต่ละสมัยของไทย
ศิลปะพระพุทธรูปในประเทศไทยสะท้อนให้เห็นถึงพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และความเชื่อทางพุทธ
12 มิ.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ