แชร์

หลวงปู่ชา สุภัทโท

อัพเดทล่าสุด: 11 ก.ค. 2025
65 ผู้เข้าชม
หลวงปู่ชา สุภัทโท (พระโพธิญาณเถร) คือพระภิกษุผู้เปี่ยมด้วยคุณธรรมและความเมตตา เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ ท่านเป็นพระป่าสายกรรมฐานที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอย่างเคร่งครัด ทุ่มเทกับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาและนำพาพุทธบริษัทให้เข้าถึงแก่นแท้แห่งธรรมะ โดยเน้นการปฏิบัติที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย และเป็นผู้ก่อตั้งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปฏิบัติธรรมที่สำคัญและมีสาขาวัดกระจายอยู่ทั่วโลก


 

กำเนิดและเส้นทางสู่ร่มกาสาวพัสตร์
 

หลวงปู่ชา สุภัทโท นามเดิมว่า ชา ช่วงโชติ ถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ณ บ้านก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ในครอบครัวเกษตรกรที่อบอุ่นและมีฐานะปานกลาง ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ในบรรดาพี่น้อง 10 คน

ในช่วงวัยเด็ก หลวงปู่ชาเป็นเด็กช่างสงสัย ใฝ่รู้ และมีเมตตาธรรม ท่านได้เข้าศึกษาในโรงเรียนประชาบาลและใช้ชีวิตแบบเด็กชนบททั่วไป จนกระทั่งอายุ 13 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดใกล้บ้าน เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมและบวชเรียนตามประเพณี แต่ด้วยความไม่ยึดติดในโลกวัชชีวิสัยและการแสวงหาความจริงอันประเสริฐ ทำให้ท่านตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุครบบวช 20 ปี ณ พัทธสีมาวัดก่อ เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2481 โดยมี พระครูอินทสารคุณ (พรม) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "สุภทฺโท"


 

แสวงหาธรรมและธุดงควัตร
 

หลังจากอุปสมบท หลวงปู่ชาได้ศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง จนสามารถสอบนักธรรมชั้นเอกได้ แต่จิตใจของท่านกลับมุ่งเน้นไปที่การปฏิบัติภาวนามากกว่าการศึกษาปริยัติ ท่านเริ่มออกธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร เพื่อค้นหาสัจธรรมและฝึกฝนจิตใจให้บริสุทธิ์ หลวงปู่ชาได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของครูบาอาจารย์สายกรรมฐานหลายท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งเป็นพระปรมาจารย์ใหญ่สายวิปัสสนาธุระ แม้ท่านจะไม่ได้อยู่ปรนนิบัติหลวงปู่มั่นโดยตรง แต่ก็ได้รับคำสอนและแนวทางการปฏิบัติจากศิษย์รูปสำคัญของหลวงปู่มั่นหลายองค์ ทำให้ท่านมีปณิธานแน่วแน่ที่จะดำเนินตามรอยบาทพระกรรมฐานอย่างเคร่งครัด

ในช่วงเวลาแห่งการธุดงค์ หลวงปู่ชาต้องเผชิญกับความยากลำบากนานัปการ ทั้งการอดอาหาร การอดนอน การเผชิญกับสัตว์ป่าอันตราย และการต่อสู้กับกิเลสภายในจิตใจ แต่ด้วยความเพียรพยายามและสติปัญญา ทำให้ท่านสามารถเอาชนะอุปสรรคเหล่านี้ได้ และเข้าถึงความสงบแห่งจิตอันเป็นพื้นฐานของการบรรลุธรรม


 

การก่อตั้งวัดหนองป่าพงและแนวทางการปฏิบัติ
 

ในปี พ.ศ. 2497 ด้วยดำริของญาติโยมและลูกศิษย์ที่ปรารถนาให้มีสถานที่เป็นที่พึ่งทางใจ หลวงปู่ชาได้ก่อตั้ง วัดหนองป่าพง ขึ้นในป่าช้าอันรกร้าง ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอุบลราชธานีไม่มากนัก สถานที่แห่งนี้จึงกลายเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนที่ใฝ่ในธรรม

แนวทางการปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ชาเน้นความเรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง ท่านสอนให้ลูกศิษย์ปฏิบัติ ศีล สมาธิ ปัญญา อย่างสมดุล โดยเน้น:

ความสมถะและสันโดษ: การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของ
ความเพียรและความอดทน: การฝึกฝนจิตใจให้เข้มแข็ง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค
การมีสติสัมปชัญญะ: การตระหนักรู้ในทุกขณะจิต ทั้งอิริยาบถยืน เดิน นั่ง นอน และการเคลื่อนไหวของกาย วาจา ใจ
การพิจารณากายและจิต: การเห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และความไม่ใช่ตัวตนของรูปนาม
การละคลายความยึดมั่นถือมั่น: การเห็นว่าสรรพสิ่งทั้งปวงล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และไม่ยึดมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หลวงปู่ชามักใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย ยกตัวอย่างเปรียบเทียบจากเรื่องราวในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้ฟังสามารถเข้าถึงแก่นธรรมได้โดยง่าย คำสอนของท่านจึงเปรียบเสมือนน้ำอมฤตที่หล่อเลี้ยงจิตใจของผู้คนจำนวนมาก


 

การเผยแผ่ธรรมสู่สากล
 

ด้วยความเมตตาและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล หลวงปู่ชาไม่เพียงแต่สอนธรรมะแก่คนไทยเท่านั้น แต่ท่านยังเป็นพระสงฆ์รูปแรกๆ ที่ริเริ่มเผยแผ่พระพุทธศาสนาสายกรรมฐานสู่ชาวต่างชาติ ในช่วงทศวรรษที่ 2510 (ค.ศ. 1970s) ชาวต่างชาติจำนวนมากเริ่มเดินทางมาศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ชาที่วัดหนองป่าพง ด้วยความเลื่อมใสในปฏิปทาอันงดงามและคำสอนที่เข้าถึงจิตใจ

ต่อมา หลวงปู่ชาได้เมตตาส่งพระภิกษุชาวต่างชาติที่บวชกับท่าน อาทิ พระโพธิญาณเถร (อาจารย์สุเมโธ) ให้กลับไปเผยแผ่พระธรรมในประเทศของตน ทำให้เกิดการก่อตั้งวัดป่าสาขาของวัดหนองป่าพงขึ้นหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศอังกฤษ อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ ส่งผลให้คำสอนของหลวงปู่ชาและแนวทางการปฏิบัติธรรมสายป่าแพร่หลายไปสู่ชาวตะวันตกอย่างกว้างขวาง ทำให้ท่านได้รับสมัญญาว่า "พระอาจารย์แห่งโลก"


 

บั้นปลายชีวิตและการมรณภาพ
 

ในช่วงบั้นปลายชีวิต หลวงปู่ชาต้องเผชิญกับอาการอาพาธหนักด้วยโรคน้ำท่วมปอดและโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 เป็นต้นมา ท่านได้แสดงธรรมในวาระสุดท้ายโดยการแสดงอาการป่วย ให้ลูกศิษย์ได้เห็นถึงสัจธรรมของความไม่เที่ยงแท้ของร่างกาย แม้ร่างกายจะเจ็บป่วย แต่จิตใจของท่านยังคงสงบและมั่นคง ไม่หวั่นไหว

ในที่สุด หลวงปู่ชา สุภัทโท ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 สิริอายุ 73 ปี 55 พรรษา แม้กายสังขารจะดับไป แต่ธรรมะคำสอนและปฏิปทาอันงดงามของท่านยังคงสถิตอยู่ในใจของศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนมากมายได้ดำเนินตามรอยธรรมเพื่อความพ้นทุกข์.


หลวงปู่ชา สุภัทโท จึงไม่ใช่เพียงพระภิกษุรูปหนึ่ง แต่เป็นดั่งประทีปธรรมที่ส่องนำทางให้แก่ผู้แสวงหาความจริง เป็นแบบอย่างอันประเสริฐของการดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า และเป็นผู้เชื่อมโยงพระพุทธศาสนาสู่ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติให้ได้สัมผัสกับความสงบสุขที่แท้จริง.

บทความที่เกี่ยวข้อง
Crafted & Design Studio
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตจิวเวลรี่: ประสบการณ์กว่า 20 ปี
2 ส.ค. 2025
ครูบาศรีวิชัย
นักบุญแห่งล้านนา ผู้บุกเบิกและผู้สร้าง
31 ก.ค. 2025
พระครูประสาธน์ขันธคุณ_หรือหลวงปู่มุม__หลวงพ่อมุม_วัดปราสาทเยอเหนือ
พระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมด้วยพุทธาคมแห่งวัดปราสาทเยอร์เหนือ
29 ก.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ