หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
อัพเดทล่าสุด: 21 ก.ค. 2025
23 ผู้เข้าชม
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล (พระราชวุฒาจารย์) แห่งวัดบูรพาราม จังหวัดสุรินทร์ คือพระอริยสงฆ์สายพระป่ากรรมฐานผู้เป็นที่เคารพสักการะอย่างยิ่ง ท่านเป็นศิษย์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต และได้รับการยกย่องว่าเป็นพระอริยเจ้าผู้แตกฉานในด้านจิตตภาวนาอย่างแท้จริง คำสอนของท่านเน้นหนักไปที่การพิจารณา "จิตอย่างเดียว" เพื่อเข้าถึงสภาวะที่ไร้กิเลสและเครื่องปรุงแต่งทั้งปวง
ชาติกำเนิดและวัยเยาว์
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล มีนามเดิมว่า ดูลย์ บูรณะสมบัติ ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2431 ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 9 ปีชวด ณ บ้านปราสาท ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โยมบิดาชื่อ นายแดง บูรณะสมบัติ โยมมารดาชื่อ นางเงิม บูรณะสมบัติ ท่านเป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง 5 คน ตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยเรียบร้อย สุภาพ และมีจิตใจใฝ่ในบุญกุศล
เส้นทางสู่ร่มกาสาวพัสตร์
อุปสมบทครั้งแรก: เมื่ออายุ 22 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรก ณ พัทธสีมาวัดจันทรประดิษฐ์ (ปัจจุบันคือวัดบุรพาราม) โดยมีพระครูวิมลสีมาจารย์ (หว่าง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการเรียน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แต่ในครั้งนั้นท่านยังไม่ได้ดำรงเพศบรรพชิตได้นานนักก็ลาสิกขาไป
อุปสมบทครั้งที่สอง: ด้วยจิตที่ยังคงมุ่งมั่นในพระธรรม เมื่ออายุ 31 ปี ในปี พ.ศ. 2461 ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งที่สอง ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นเส้นทางธรรมอันสำคัญของท่านในสายวิปัสสนากรรมฐาน
การศึกษาธรรมและปณิธานด้านวิปัสสนา
หลังจากอุปสมบทครั้งที่สอง หลวงปู่ดูลย์ได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมและฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์ใหญ่สายพระป่า และเป็นผู้ที่ได้รับคำแนะนำและอุบายธรรมจากพระอาจารย์มั่นโดยตรงอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพิจารณาจิต หลวงปู่ดูลย์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการบำเพ็ญเพียรภาวนา ธุดงควัตรไปตามป่าเขา ฝึกฝนจิตอย่างเข้มงวด ทำให้จิตของท่านมีความบริสุทธิ์และแก่กล้าอย่างยิ่ง
ท่านได้ถ่ายทอดคำสอนของพระอาจารย์มั่น และเน้นย้ำถึงหลักการปฏิบัติที่สำคัญคือ "ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม" แต่ท่านเน้นเป็นพิเศษในเรื่อง "ดูจิต" เพียงอย่างเดียว เพราะเชื่อว่าเมื่อเห็นความจริงของจิตแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็จะปรากฏตามมาเอง
คำสอนอันลึกซึ้ง: "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดจึงรู้"
หลวงปู่ดูลย์เป็นที่รู้จักจากอุบายธรรมอันเฉียบคมและลึกซึ้ง โดยเฉพาะคำสอนที่เน้นให้พิจารณาจิตของตนเองอย่างแท้จริง ท่านมักจะกล่าวว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดจึงรู้" หมายความว่า การที่เราใช้ความคิดปรุงแต่ง พยายามจะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยตรรกะและเหตุผลทางโลกภายนอกนั้น ไม่อาจนำไปสู่การรู้แจ้งความจริงของจิตได้ การรู้แจ้งเกิดจากการหยุดความคิดปรุงแต่ง หยุดการยึดมั่นถือมั่น และเข้าไปพิจารณาดูจิตดั้งเดิมที่บริสุทธิ์เท่านั้น
คำสอนนี้เป็นหัวใจสำคัญในแนวทางปฏิบัติของท่าน ที่เน้นให้ผู้ปฏิบัติพุ่งเป้าไปที่การเห็นจิต เห็นอวิชชาที่ปรุงแต่งจิต และละวางความยึดติดในสิ่งเหล่านั้น เพื่อเข้าถึงสภาวะแห่งความว่างเปล่าที่แท้จริง
ปฏิปทาและบารมีธรรม
หลวงปู่ดูลย์เป็นพระภิกษุผู้มีปฏิปทาอันงดงาม มีความเมตตาสูง และมีความสมถะเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่พูดน้อย แต่ทุกคำพูดของท่านล้วนเปี่ยมด้วยสติปัญญาและคุณค่าทางธรรม ท่านได้ถ่ายทอดธรรมะและอุบายการปฏิบัติให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ทั้งพระภิกษุ สามเณร และฆราวาส และเป็นที่ประจักษ์ในหมู่ลูกศิษย์ถึงความบริสุทธิ์แห่งจิต และความสำเร็จในธรรมของท่าน
ท่านได้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประธานในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบูรพาราม ซึ่งเป็นวัดที่ท่านจำพรรษา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุรินทร์
ละสังขาร
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 95 ปี 65 พรรษา แม้สังขารของท่านจะจากไปแล้ว แต่ธรรมะคำสอนและปฏิปทาอันงดงามของท่านยังคงอยู่ เป็นมรดกอันล้ำค่าและเป็นแนวทางในการปฏิบัติธรรมให้แก่พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม เพื่อเข้าถึงความหลุดพ้นและสันติสุขที่แท้จริง
ชาติกำเนิดและวัยเยาว์
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล มีนามเดิมว่า ดูลย์ บูรณะสมบัติ ถือกำเนิดเมื่อวันอังคารที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2431 ตรงกับวันขึ้น 3 ค่ำ เดือน 9 ปีชวด ณ บ้านปราสาท ตำบลเฉนียง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ โยมบิดาชื่อ นายแดง บูรณะสมบัติ โยมมารดาชื่อ นางเงิม บูรณะสมบัติ ท่านเป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง 5 คน ตั้งแต่วัยเยาว์ ท่านเป็นผู้มีอุปนิสัยเรียบร้อย สุภาพ และมีจิตใจใฝ่ในบุญกุศล
เส้นทางสู่ร่มกาสาวพัสตร์
อุปสมบทครั้งแรก: เมื่ออายุ 22 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งแรก ณ พัทธสีมาวัดจันทรประดิษฐ์ (ปัจจุบันคือวัดบุรพาราม) โดยมีพระครูวิมลสีมาจารย์ (หว่าง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และพระอธิการเรียน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทอง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ แต่ในครั้งนั้นท่านยังไม่ได้ดำรงเพศบรรพชิตได้นานนักก็ลาสิกขาไป
อุปสมบทครั้งที่สอง: ด้วยจิตที่ยังคงมุ่งมั่นในพระธรรม เมื่ออายุ 31 ปี ในปี พ.ศ. 2461 ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุครั้งที่สอง ณ พัทธสีมาวัดสุทัศนาราม จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี พระเดชพระคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ ซึ่งนับเป็นการเริ่มต้นเส้นทางธรรมอันสำคัญของท่านในสายวิปัสสนากรรมฐาน
การศึกษาธรรมและปณิธานด้านวิปัสสนา
หลังจากอุปสมบทครั้งที่สอง หลวงปู่ดูลย์ได้มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมและฝึกฝนวิปัสสนากรรมฐานอย่างจริงจัง ท่านได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของ พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์ใหญ่สายพระป่า และเป็นผู้ที่ได้รับคำแนะนำและอุบายธรรมจากพระอาจารย์มั่นโดยตรงอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการพิจารณาจิต หลวงปู่ดูลย์ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ในการบำเพ็ญเพียรภาวนา ธุดงควัตรไปตามป่าเขา ฝึกฝนจิตอย่างเข้มงวด ทำให้จิตของท่านมีความบริสุทธิ์และแก่กล้าอย่างยิ่ง
ท่านได้ถ่ายทอดคำสอนของพระอาจารย์มั่น และเน้นย้ำถึงหลักการปฏิบัติที่สำคัญคือ "ดูกาย ดูเวทนา ดูจิต ดูธรรม" แต่ท่านเน้นเป็นพิเศษในเรื่อง "ดูจิต" เพียงอย่างเดียว เพราะเชื่อว่าเมื่อเห็นความจริงของจิตแล้ว สิ่งอื่นๆ ก็จะปรากฏตามมาเอง
คำสอนอันลึกซึ้ง: "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดจึงรู้"
หลวงปู่ดูลย์เป็นที่รู้จักจากอุบายธรรมอันเฉียบคมและลึกซึ้ง โดยเฉพาะคำสอนที่เน้นให้พิจารณาจิตของตนเองอย่างแท้จริง ท่านมักจะกล่าวว่า "คิดเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ต้องหยุดคิดจึงรู้" หมายความว่า การที่เราใช้ความคิดปรุงแต่ง พยายามจะทำความเข้าใจสิ่งต่างๆ ด้วยตรรกะและเหตุผลทางโลกภายนอกนั้น ไม่อาจนำไปสู่การรู้แจ้งความจริงของจิตได้ การรู้แจ้งเกิดจากการหยุดความคิดปรุงแต่ง หยุดการยึดมั่นถือมั่น และเข้าไปพิจารณาดูจิตดั้งเดิมที่บริสุทธิ์เท่านั้น
คำสอนนี้เป็นหัวใจสำคัญในแนวทางปฏิบัติของท่าน ที่เน้นให้ผู้ปฏิบัติพุ่งเป้าไปที่การเห็นจิต เห็นอวิชชาที่ปรุงแต่งจิต และละวางความยึดติดในสิ่งเหล่านั้น เพื่อเข้าถึงสภาวะแห่งความว่างเปล่าที่แท้จริง
ปฏิปทาและบารมีธรรม
หลวงปู่ดูลย์เป็นพระภิกษุผู้มีปฏิปทาอันงดงาม มีความเมตตาสูง และมีความสมถะเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นพระที่พูดน้อย แต่ทุกคำพูดของท่านล้วนเปี่ยมด้วยสติปัญญาและคุณค่าทางธรรม ท่านได้ถ่ายทอดธรรมะและอุบายการปฏิบัติให้แก่ลูกศิษย์ลูกหาจำนวนมาก ทั้งพระภิกษุ สามเณร และฆราวาส และเป็นที่ประจักษ์ในหมู่ลูกศิษย์ถึงความบริสุทธิ์แห่งจิต และความสำเร็จในธรรมของท่าน
ท่านได้อุทิศตนเพื่อพระพุทธศาสนามาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นประธานในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบูรพาราม ซึ่งเป็นวัดที่ท่านจำพรรษา และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุรินทร์
ละสังขาร
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2526 สิริรวมอายุได้ 95 ปี 65 พรรษา แม้สังขารของท่านจะจากไปแล้ว แต่ธรรมะคำสอนและปฏิปทาอันงดงามของท่านยังคงอยู่ เป็นมรดกอันล้ำค่าและเป็นแนวทางในการปฏิบัติธรรมให้แก่พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังได้เจริญรอยตาม เพื่อเข้าถึงความหลุดพ้นและสันติสุขที่แท้จริง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตจิวเวลรี่: ประสบการณ์กว่า 20 ปี
2 ส.ค. 2025