ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย
อัพเดทล่าสุด: 26 ก.ค. 2025
8 ผู้เข้าชม
ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย (พ.ศ. 2421 พ.ศ. 2482) เป็นพระเถระผู้ยิ่งใหญ่แห่งล้านนา ผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรม บารมีธรรม และความมุ่งมั่นในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและพัฒนาสาธารณูปโภคต่างๆ ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวางจากพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ท่านได้รับการขนานนามว่าเป็น "นักบุญแห่งล้านนา" หรือ "ตนบุญแห่งล้านนา"
ชาติกำเนิดและเส้นทางสู่ร่มกาสาวพัสตร์
ครูบาศรีวิชัย มีนามเดิมว่า "เฟือน" หรือ "อินท์เฟือน" เกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 (ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 เหนือ ปีจอ) ณ บ้านปาง ตำบลแม่ตีบ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โยมบิดาชื่อ นายควาย โยมมารดาชื่อ นางอุษา หลังจากถือกำเนิดได้ไม่นาน มารดาได้นำไปถวายเป็นลูกพระที่วัดบ้านปาง เพื่อให้พระอธิการอุปละเป็นผู้เลี้ยงดู ด้วยความเฉลียวฉลาดและใฝ่ธรรมะ ท่านจึงเริ่มศึกษาอักขระและธรรมะมาตั้งแต่เยาว์วัย
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 18 ปี ณ วัดบ้านปาง โดยมี ครูบาขัตติยะ (ซึ่งต่อมาคือครูบาวัดไม้ฮุง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "สิริวิชโย" หลังจากนั้นท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมี ครูบาอินตา วัดห้วยอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์
การศึกษาและวัตรปฏิบัติ
ภายหลังอุปสมบท ครูบาศรีวิชัยได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์หลายท่านในยุคนั้น เช่น ครูบาอุบาระ วัดบ้านปาง, ครูบาขัตติยะ และ ครูบาอินตา ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระวินัยอย่างเคร่งครัด ถือธุดงควัตร ไม่ติดลาภยศสรรเสริญ และดำรงชีวิตอย่างสมถะ ท่านมีความเมตตาต่อสัตว์โลกและสรรพสิ่งทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคนยากไร้ สัตว์พิการ หรือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ทำให้ท่านเป็นที่รักและศรัทธาของประชาชนเป็นอย่างมาก
ผลงานการสร้างและบูรณะวัดวาอาราม
ผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ประจักษ์ของครูบาศรีวิชัยคือการเป็นผู้นำในการ สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ทั่วภาคเหนือมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงศาสนสถานอื่นๆ เช่น เจดีย์ วิหาร อุโบสถ ศาลา โรงเรียน และถนนหนทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถนนขึ้นดอยสุเทพ ซึ่งเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นถึงบารมีและพลังศรัทธาของประชาชนที่มีต่อท่าน
ถนนขึ้นดอยสุเทพ: ในปี พ.ศ. 2477 ครูบาศรีวิชัยได้เป็นผู้นำในการสร้างถนนขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ต้องตัดผ่านป่าเขา ใช้แรงงานจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก โดยไม่มีการใช้เครื่องจักรหนักใดๆ ถนนสายนี้สร้างเสร็จภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน 22 วัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง และเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและบารมีของท่าน
การบูรณะวัดสำคัญ: ท่านยังได้บูรณะวัดสำคัญๆ อีกหลายแห่ง เช่น วัดสวนดอก วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และวัดต่างๆ ทั่วภาคเหนือ ทำให้พุทธศาสนาในล้านนากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ปัญหาและการถูกกล่าวหา
ด้วยความที่ครูบาศรีวิชัยมีบารมีและอิทธิพลต่อประชาชนในล้านนาอย่างมาก ทำให้ท่านตกเป็นเป้าหมายของการถูกกล่าวหาว่า "เป็นกบฏ" หรือ "กระทำการนอกรีตนอกรอย" โดยบางฝ่ายที่ไม่เข้าใจในวัตรปฏิบัติและเจตนาของท่าน ท่านถูกจับกุมและนำตัวไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเมตตาธรรมและความบริสุทธิ์ของท่าน รวมถึงการช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ท่านรอดพ้นจากการลงโทษและกลับมาทำนุบำรุงพระศาสนาต่อไปได้
บั้นปลายชีวิตและการมรณภาพ
ครูบาศรีวิชัยได้อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาและประชาชนมาโดยตลอดจวบจนวาระสุดท้าย ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482 ณ วัดบ้านปาง สิริอายุ 60 ปี 8 เดือน พรรษา 40
ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย และได้เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านปาง และภายหลังได้บรรจุอัฐิธาตุส่วนหนึ่งไว้ที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาและระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
มรดกและความเคารพศรัทธา
ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ยังคงเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูงสุดของชาวล้านนาและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความเสียสละ และความเมตตา ท่านได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่ได้รับการบูรณะ ถนนหนทางที่อำนวยความสะดวก หรือแม้แต่แบบแผนการปฏิบัติธรรมที่เข้มข้น คุณงามความดีและบารมีของท่านยังคงแผ่ไพศาล และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทำความดีสืบไป
ทุกวันที่ 11 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน ชาวล้านนาจะจัดพิธีระลึกถึงครูบาศรีวิชัย เพื่อแสดงความกตัญญูและรำลึกถึงคุณูปการอันใหญ่หลวงที่ท่านได้สร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนาและบ้านเมือง
ชาติกำเนิดและเส้นทางสู่ร่มกาสาวพัสตร์
ครูบาศรีวิชัย มีนามเดิมว่า "เฟือน" หรือ "อินท์เฟือน" เกิดเมื่อวันอังคารที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2421 (ขึ้น 12 ค่ำ เดือน 8 เหนือ ปีจอ) ณ บ้านปาง ตำบลแม่ตีบ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน โยมบิดาชื่อ นายควาย โยมมารดาชื่อ นางอุษา หลังจากถือกำเนิดได้ไม่นาน มารดาได้นำไปถวายเป็นลูกพระที่วัดบ้านปาง เพื่อให้พระอธิการอุปละเป็นผู้เลี้ยงดู ด้วยความเฉลียวฉลาดและใฝ่ธรรมะ ท่านจึงเริ่มศึกษาอักขระและธรรมะมาตั้งแต่เยาว์วัย
ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 18 ปี ณ วัดบ้านปาง โดยมี ครูบาขัตติยะ (ซึ่งต่อมาคือครูบาวัดไม้ฮุง) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "สิริวิชโย" หลังจากนั้นท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่ออายุ 21 ปี ณ พัทธสีมาวัดบ้านโฮ่งหลวง อำเภอบ้านโฮ่ง จังหวัดลำพูน โดยมี ครูบาอินตา วัดห้วยอ้อ เป็นพระอุปัชฌาย์
การศึกษาและวัตรปฏิบัติ
ภายหลังอุปสมบท ครูบาศรีวิชัยได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และเรียนวิชาอาคมจากครูบาอาจารย์หลายท่านในยุคนั้น เช่น ครูบาอุบาระ วัดบ้านปาง, ครูบาขัตติยะ และ ครูบาอินตา ท่านเป็นพระที่ยึดมั่นในพระวินัยอย่างเคร่งครัด ถือธุดงควัตร ไม่ติดลาภยศสรรเสริญ และดำรงชีวิตอย่างสมถะ ท่านมีความเมตตาต่อสัตว์โลกและสรรพสิ่งทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นคนยากไร้ สัตว์พิการ หรือแม้แต่ต้นไม้ใบหญ้า ทำให้ท่านเป็นที่รักและศรัทธาของประชาชนเป็นอย่างมาก
ผลงานการสร้างและบูรณะวัดวาอาราม
ผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่ประจักษ์ของครูบาศรีวิชัยคือการเป็นผู้นำในการ สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัดวาอารามต่างๆ ทั่วภาคเหนือมากกว่า 100 แห่ง รวมถึงศาสนสถานอื่นๆ เช่น เจดีย์ วิหาร อุโบสถ ศาลา โรงเรียน และถนนหนทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถนนขึ้นดอยสุเทพ ซึ่งเป็นโครงการที่ยิ่งใหญ่และแสดงให้เห็นถึงบารมีและพลังศรัทธาของประชาชนที่มีต่อท่าน
ถนนขึ้นดอยสุเทพ: ในปี พ.ศ. 2477 ครูบาศรีวิชัยได้เป็นผู้นำในการสร้างถนนขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยากลำบาก ต้องตัดผ่านป่าเขา ใช้แรงงานจากประชาชนผู้มีจิตศรัทธาจำนวนมาก โดยไม่มีการใช้เครื่องจักรหนักใดๆ ถนนสายนี้สร้างเสร็จภายในระยะเวลาเพียง 5 เดือน 22 วัน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง และเป็นอนุสรณ์สถานสำคัญที่แสดงถึงความมุ่งมั่นและบารมีของท่าน
การบูรณะวัดสำคัญ: ท่านยังได้บูรณะวัดสำคัญๆ อีกหลายแห่ง เช่น วัดสวนดอก วัดพระสิงห์ วัดเจดีย์หลวง และวัดต่างๆ ทั่วภาคเหนือ ทำให้พุทธศาสนาในล้านนากลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง
ปัญหาและการถูกกล่าวหา
ด้วยความที่ครูบาศรีวิชัยมีบารมีและอิทธิพลต่อประชาชนในล้านนาอย่างมาก ทำให้ท่านตกเป็นเป้าหมายของการถูกกล่าวหาว่า "เป็นกบฏ" หรือ "กระทำการนอกรีตนอกรอย" โดยบางฝ่ายที่ไม่เข้าใจในวัตรปฏิบัติและเจตนาของท่าน ท่านถูกจับกุมและนำตัวไปไต่สวนที่กรุงเทพฯ หลายครั้ง อย่างไรก็ตาม ด้วยความเมตตาธรรมและความบริสุทธิ์ของท่าน รวมถึงการช่วยเหลือจากผู้มีอำนาจและพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ทำให้ท่านรอดพ้นจากการลงโทษและกลับมาทำนุบำรุงพระศาสนาต่อไปได้
บั้นปลายชีวิตและการมรณภาพ
ครูบาศรีวิชัยได้อุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนาและประชาชนมาโดยตลอดจวบจนวาระสุดท้าย ท่านมรณภาพเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2482 ณ วัดบ้านปาง สิริอายุ 60 ปี 8 เดือน พรรษา 40
ร่างของท่านไม่เน่าเปื่อย และได้เก็บรักษาไว้ที่วัดบ้านปาง และภายหลังได้บรรจุอัฐิธาตุส่วนหนึ่งไว้ที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชาและระลึกถึงคุณงามความดีของท่าน
มรดกและความเคารพศรัทธา
ครูบาศรีวิชัย สิริวิชโย ยังคงเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างสูงสุดของชาวล้านนาและพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ท่านเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่น ความเสียสละ และความเมตตา ท่านได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ให้กับแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามที่ได้รับการบูรณะ ถนนหนทางที่อำนวยความสะดวก หรือแม้แต่แบบแผนการปฏิบัติธรรมที่เข้มข้น คุณงามความดีและบารมีของท่านยังคงแผ่ไพศาล และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนทำความดีสืบไป
ทุกวันที่ 11 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน ชาวล้านนาจะจัดพิธีระลึกถึงครูบาศรีวิชัย เพื่อแสดงความกตัญญูและรำลึกถึงคุณูปการอันใหญ่หลวงที่ท่านได้สร้างไว้ให้กับพระพุทธศาสนาและบ้านเมือง
บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตจิวเวลรี่: ประสบการณ์กว่า 20 ปี
2 ส.ค. 2025