หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
อัพเดทล่าสุด: 24 มิ.ย. 2025
132 ผู้เข้าชม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (พ.ศ. 2413 พ.ศ. 2492) เป็นพระเถระผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของประเทศไทย ท่านได้รับการยกย่องให้เป็น พระปรมาจารย์ใหญ่แห่งสายพระกรรมฐาน (วิปัสสนาธุระ) ผู้เป็นต้นกำเนิดของ พระป่าสายกรรมฐาน ซึ่งเน้นการธุดงค์ ปฏิบัติธรรมในป่าเขา และการเจริญวิปัสสนากรรมฐานเพื่อเข้าถึงความหลุดพ้นอย่างแท้จริง
ชาติกำเนิดและการแสวงหาธรรม
หลวงปู่มั่นถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2413 ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ในตระกูลชาวนา ท่านมีนามเดิมว่า มั่น แก่นแก้ว ท่านมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี ภายหลังได้ลาสิกขาไปช่วยบิดามารดาทำนา แต่จิตใจก็ยังคงมุ่งมั่นในทางธรรม
เมื่ออายุครบ 22 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดศรีทอง (ปัจจุบันคือวัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "ภูริทัตโต" ซึ่งหมายถึง "ผู้มีปัญญาดุจแผ่นดิน"
การธุดงควัตรและแนวทางการปฏิบัติ
หลังจากอุปสมบท หลวงปู่มั่นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยความที่ท่านเป็นผู้รักความสงบและมุ่งมั่นในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ท่านจึงเริ่มออก ธุดงควัตร ไปตามป่าเขา ถ้ำ และสถานที่สงบวิเวกต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อแสวงหาสัจธรรมและฝึกฝนจิตภาวนาอย่างเข้มข้น
แนวทางการปฏิบัติของหลวงปู่มั่นเน้นหนักไปที่:
วิปัสสนาธุระ: การพิจารณากาย สังขาร จิต และธรรม เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา นำไปสู่การละอุปาทาน
การถือธุดงควัตร: การปฏิบัติกิจวัตรที่ทำให้ละกิเลสและส่งเสริมการบำเพ็ญเพียร เช่น การอยู่ป่า การบิณฑบาตเป็นวัตร การฉันอาหารหนเดียว การถือผ้าบังสุกุล เป็นต้น
ความเด็ดเดี่ยวในการบำเพ็ญเพียร: ท่านเป็นผู้มีความเพียรอย่างสูง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความลำบาก ความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ หรือภยันตรายต่างๆ ในป่า
การไม่ยึดติดในตำรา: แม้ท่านจะศึกษาพระปริยัติธรรมมาอย่างดี แต่ท่านก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง
หลวงปู่มั่นได้เผชิญกับอุปสรรคและวิกฤตการณ์ทางจิตใจมากมายระหว่างการบำเพ็ญเพียร แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ในที่สุดท่านก็ได้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างหนัก ณ ถ้ำสาริกา จังหวัดนครนายก
ลูกศิษย์และสายธรรมกรรมฐาน
หลวงปู่มั่นไม่ได้เป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรมที่โดดเด่น แต่ท่านยังเป็น ครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้ถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติธรรมที่บริสุทธิ์และเข้มข้นนี้ไปสู่ลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระเถระผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ อาทิ:
หลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
และอีกมากมายหลายรูป
พระป่าสายกรรมฐานที่สืบสายมาจากหลวงปู่มั่นนี้ ได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูและเผยแผ่การปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน
มรณภาพและมรดกธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร สิริรวมอายุ 79 ปี 57 พรรษา
แม้สังขารของท่านจะดับไป แต่ มรดกธรรมคำสอน และ แบบอย่างแห่งการปฏิบัติ ของหลวงปู่มั่นยังคงอยู่และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากในการมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ความบริสุทธิ์ของวัตรปฏิบัติ ความเด็ดเดี่ยวในการบำเพ็ญเพียร และความเมตตาของท่าน ล้วนเป็นคุณธรรมที่ควรแก่การน้อมนำไปเป็นแบบอย่าง เพื่อการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาและสันติสุข
ชาติกำเนิดและการแสวงหาธรรม
หลวงปู่มั่นถือกำเนิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2413 ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ในตระกูลชาวนา ท่านมีนามเดิมว่า มั่น แก่นแก้ว ท่านมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาตั้งแต่เยาว์วัย และได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 15 ปี ภายหลังได้ลาสิกขาไปช่วยบิดามารดาทำนา แต่จิตใจก็ยังคงมุ่งมั่นในทางธรรม
เมื่ออายุครบ 22 ปี ท่านได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดศรีทอง (ปัจจุบันคือวัดศรีอุบลรัตนาราม) จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนฺโท) เป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับฉายาว่า "ภูริทัตโต" ซึ่งหมายถึง "ผู้มีปัญญาดุจแผ่นดิน"
การธุดงควัตรและแนวทางการปฏิบัติ
หลังจากอุปสมบท หลวงปู่มั่นได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและพระวินัยอย่างเคร่งครัด แต่ด้วยความที่ท่านเป็นผู้รักความสงบและมุ่งมั่นในการปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ท่านจึงเริ่มออก ธุดงควัตร ไปตามป่าเขา ถ้ำ และสถานที่สงบวิเวกต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อแสวงหาสัจธรรมและฝึกฝนจิตภาวนาอย่างเข้มข้น
แนวทางการปฏิบัติของหลวงปู่มั่นเน้นหนักไปที่:
วิปัสสนาธุระ: การพิจารณากาย สังขาร จิต และธรรม เพื่อให้เห็นตามความเป็นจริงว่าทุกสิ่งล้วนไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา นำไปสู่การละอุปาทาน
การถือธุดงควัตร: การปฏิบัติกิจวัตรที่ทำให้ละกิเลสและส่งเสริมการบำเพ็ญเพียร เช่น การอยู่ป่า การบิณฑบาตเป็นวัตร การฉันอาหารหนเดียว การถือผ้าบังสุกุล เป็นต้น
ความเด็ดเดี่ยวในการบำเพ็ญเพียร: ท่านเป็นผู้มีความเพียรอย่างสูง ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับความลำบาก ความอดอยาก โรคภัยไข้เจ็บ หรือภยันตรายต่างๆ ในป่า
การไม่ยึดติดในตำรา: แม้ท่านจะศึกษาพระปริยัติธรรมมาอย่างดี แต่ท่านก็เน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิบัติเพื่อรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง
หลวงปู่มั่นได้เผชิญกับอุปสรรคและวิกฤตการณ์ทางจิตใจมากมายระหว่างการบำเพ็ญเพียร แต่ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อ ในที่สุดท่านก็ได้ บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ หลังจากที่ได้ปฏิบัติธรรมอย่างหนัก ณ ถ้ำสาริกา จังหวัดนครนายก
ลูกศิษย์และสายธรรมกรรมฐาน
หลวงปู่มั่นไม่ได้เป็นเพียงผู้ปฏิบัติธรรมที่โดดเด่น แต่ท่านยังเป็น ครูบาอาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ที่ได้ถ่ายทอดแนวทางการปฏิบัติธรรมที่บริสุทธิ์และเข้มข้นนี้ไปสู่ลูกศิษย์ลูกหาเป็นจำนวนมาก ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นพระเถระผู้มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ อาทิ:
หลวงปู่ขาว อนาลโย
หลวงปู่ฝั้น อาจาโร
หลวงปู่ตื้อ อจลธมฺโม
หลวงปู่แหวน สุจิณโณ
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
และอีกมากมายหลายรูป
พระป่าสายกรรมฐานที่สืบสายมาจากหลวงปู่มั่นนี้ ได้กลายเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูและเผยแผ่การปฏิบัติธรรมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญรุ่งเรืองในประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน
มรณภาพและมรดกธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ได้ละสังขารด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร สิริรวมอายุ 79 ปี 57 พรรษา
แม้สังขารของท่านจะดับไป แต่ มรดกธรรมคำสอน และ แบบอย่างแห่งการปฏิบัติ ของหลวงปู่มั่นยังคงอยู่และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่พุทธศาสนิกชนจำนวนมากในการมุ่งมั่นปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์ ความบริสุทธิ์ของวัตรปฏิบัติ ความเด็ดเดี่ยวในการบำเพ็ญเพียร และความเมตตาของท่าน ล้วนเป็นคุณธรรมที่ควรแก่การน้อมนำไปเป็นแบบอย่าง เพื่อการดำเนินชีวิตที่เปี่ยมด้วยสติปัญญาและสันติสุข
บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตจิวเวลรี่: ประสบการณ์กว่า 20 ปี
2 ส.ค. 2025