การสร้างสรรค์และออกแบบงานไทยประยุกต์ศิลป์เป็นการผสมผสานระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมอันงดงามของไทยเข้ากับความทันสมัย

การสร้างสรรค์ผลงานประเภทนี้มีหลายขั้นตอนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน ตั้งแต่การทำความเข้าใจรากฐานทางศิลปะดั้งเดิม ไปจนถึงการนำเทคนิคสมัยใหม่เข้ามาผสมผสานได้อย่างลงตัว
1. ศึกษาและทำความเข้าใจแก่นแท้ของงานศิลปะไทยดั้งเดิม
หัวใจสำคัญของการสร้างงานไทยประยุกต์ศิลป์คือการมีพื้นฐานความรู้ที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับศิลปะไทยดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นลายไทย, ลวดลายจากงานหัตถกรรม, เครื่องแต่งกาย, สถาปัตยกรรม, หรือจิตรกรรมฝาผนังโบราณ การทำความเข้าใจความหมายและสุนทรียภาพที่ซ่อนอยู่ในแต่ละชิ้นงานจะช่วยให้การประยุกต์ใช้มีความลึกซึ้งและไม่เสียเอกลักษณ์ดั้งเดิมไป
ลวดลาย: ศึกษาโครงสร้างของลายไทยประเภทต่างๆ เช่น ลายกนก, ลายประจำยาม, ลายเครือเถา รวมถึงลายที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์
สีสัน: ทำความเข้าใจการใช้โทนสีและคู่สีแบบไทย ซึ่งมักจะมีความหมายเฉพาะตัวและสะท้อนความเชื่อหรือวัฒนธรรม
วัสดุ: ศึกษาการใช้วัสดุธรรมชาติและเทคนิคการสร้างงานแบบดั้งเดิม เช่น การลงรักปิดทอง, การแกะสลักไม้, การทอผ้าไหม เพื่อเป็นแรงบันดาลใจในการเลือกใช้วัสดุในงานสมัยใหม่
2. กำหนดแนวคิด (Concept) และวัตถุประสงค์ของงาน
หลังจากที่มีความเข้าใจในพื้นฐานแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการกำหนดแนวคิดหลักของชิ้นงาน ว่าต้องการสื่อสารอะไร และสร้างสรรค์เพื่อวัตถุประสงค์ใด แนวคิดที่ชัดเจนจะช่วยให้การออกแบบมีทิศทางที่แน่นอน
แรงบันดาลใจ: คัดเลือกองค์ประกอบจากศิลปะไทยดั้งเดิมที่ต้องการนำมาใช้เป็นจุดเด่น
กลุ่มเป้าหมาย: กำหนดว่างานชิ้นนี้สร้างขึ้นเพื่อใคร เพื่อให้การออกแบบสอดคล้องกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย
ประโยชน์ใช้สอย: พิจารณาว่างานชิ้นนี้จะนำไปใช้ในรูปแบบใด เป็นของตกแต่ง, ของใช้สอย, เครื่องประดับ, หรือเป็นงานศิลปะเพื่อการจัดแสดง
3. การประยุกต์ใช้และการออกแบบ
ขั้นตอนนี้คือการนำองค์ประกอบที่คัดสรรมาผสมผสานกับแนวคิดสมัยใหม่ การประยุกต์ใช้ต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อให้งานที่ออกมามีความสมดุลและไม่รู้สึกขัดแย้งกันเอง
การลดทอนและจัดวาง (Deconstruction and Recontextualization): ลดทอนความซับซ้อนของลายไทยให้เรียบง่ายขึ้น หรือนำลายบางส่วนมาจัดวางใหม่ในรูปแบบที่ทันสมัย
การผสมผสานวัสดุ: ลองผสมผสานวัสดุแบบดั้งเดิมเข้ากับวัสดุสมัยใหม่ เช่น การใช้ลายไทยบนพื้นผิวโลหะ, การนำผ้าไหมมาทำกระเป๋าดีไซน์โมเดิร์น
เทคนิคการสร้างสรรค์: ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การพิมพ์ 3 มิติ, การตัดด้วยเลเซอร์ หรือการออกแบบด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างสรรค์ผลงานที่มีความละเอียดและแปลกใหม่
4. การเลือกใช้วัสดุและเทคนิคการผลิต
การเลือกวัสดุและเทคนิคการผลิตที่เหมาะสมจะช่วยยกระดับคุณค่าของชิ้นงานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น
วัสดุธรรมชาติ: เช่น ไม้, ดินเผา, ผ้าไหม, หนัง สามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกับวัสดุสมัยใหม่
วัสดุสังเคราะห์: เช่น พลาสติก, เรซิน, โลหะ หรือวัสดุรีไซเคิล ช่วยให้งานมีความทนทานและมีรูปลักษณ์ที่หลากหลาย
เทคนิคการผลิต: อาจเลือกใช้การผลิตแบบหัตถกรรมที่ทำด้วยมือเพื่อคงคุณค่าความเป็นงานฝีมือ หรือใช้การผลิตแบบอุตสาหกรรมสำหรับงานที่ต้องการผลิตจำนวนมาก
5. การนำเสนอและการสื่อสาร
การนำเสนอผลงานก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ชมเข้าใจถึงแนวคิดและคุณค่าของงานได้อย่างชัดเจน การจัดแสดงผลงานในบริบทที่เหมาะสมหรือการสื่อสารเรื่องราวเบื้องหลังจะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับชิ้นงาน
บอกเล่าเรื่องราว: สื่อสารแรงบันดาลใจ, ความหมายของลวดลาย, และกระบวนการสร้างสรรค์ เพื่อสร้างความผูกพันระหว่างชิ้นงานกับผู้ชม
การบรรจุภัณฑ์และการสร้างแบรนด์: ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สวยงามและสื่อถึงเอกลักษณ์ของงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผลงาน
การสร้างและออกแบบงานไทยประยุกต์ศิลป์จึงไม่ใช่แค่การนำลายไทยมาใส่ในของใช้สมัยใหม่ แต่คือการเดินทางเพื่อค้นหาจุดสมดุลระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ทำให้งานศิลปะของไทยไม่หยุดนิ่ง และสามารถส่งต่อคุณค่าที่สวยงามนี้สู่คนรุ่นใหม่และสู่สายตาชาวโลกได้อย่างยั่งยืน


